สำหรับไทยกับจีน ที่เข้ารอบทั้งคู่หลังจากชนะฮ่องกงกันมาทั้งคู่นั้น จะเริ่มแข่งตอนเที่ยงตรงที่ออสเตรเลีย หรือตรงกับ 9 โมงเช้าบ้านเรา น่าสนใจว่าทั้ง 2 ทีมเปลี่ยนผู้เล่นแทบจะยกทีมจากที่ชนะฮ่องกง เพื่อชิงที่ 1 ของกลุ่ม ซึ่งจะเป็น”ตัวยืน”ในการจับสลากประกบคู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย |
โดยเริ่มจากชายคู่ ไทยส่ง “บาส-สกาย” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ กิตตินุพงษ์ เกตุเรน อดีตแชมป์เยาวชนโลก 2015 แทน “อาท-ต้นนำ” บดินทร์ อิสสระ กับ นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร ที่ลงสนามวันแรก ส่วนจีน ส่ง Li Junhui กับ Liu Yuchen หลังจากเกมแรกเจอฮ่องกง ใช้งาน Fu Haifeng กับ Zhang Nan ซึ่งต้องยอมรับว่าคู่นี้เราเป็นรอง |
จากนั้นเป็น”หญิงเดี่ยว” ซึ่งไทยเลือกน้องเล็ก”หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ ลงแทน”เมย์”รัชนก อินทนนท์ ที่ลงเกมแรกวันที่เอาชนะฮ่องกง ส่วนจีน ก็เปลี่ยนจาก Sun Yu มาเป็น Chen Yufei คู่นี้สูสีและน้องหมิวมีโอกาสชนะสูง ครับผม |
คู่ที่ 3 เป็น”ชายเดี่ยว” โดยไทยเลือก “เพชร” โฆษิต เพชรประดับ ลงไปเจอ Chen Long แชมป์ชายเดี่ยวโอลิมปิก 2016 และแชมป์เอเชียคนล่าสุด ขณะที่วันชนะฮ่องกงของทั้ง 2 ทีม ไทยใช้งาน “สอง” ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข ส่วนจีนเป็น Lin Dan |
ต่อมาเป็น”หญิงคู่” ที่ไทยเปลี่ยนมาเป็น”กิ๊ฟ-ปอป้อ” จงกลพรรณ กิติธนรากุล กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย พบ Chen Qingchen กับ Jia Yifan ซึ่งก็ต้องรอดูว่าผลงานคู่ไทยจะเป็นอย่างไร เพราะแทบจะไม่เคยลงเล่นด้วยกัน ส่วนคู่ของจีนนั้น เคยคว้าแชมป์ซูเปอร์ซีรีส์มาแล้ว |
ปิดท้ายคู่ผสม ซึ่งไทยให้คู่ใหญ่”อาท-เอ็มเอ็ม” บดินทร์ อิสสระ กับ สาวิตรี อมิตรพ่าย ลงสนามพบ Lu Kai กับ Huang Yaqiong ซึ่งเป็นคู่ผสมมือดีที่ได้แชมป์ซูเปอร์ซีรีส์ปีนี้มาแล้วหลายรายการ หลังจากวันชนะฮ่องกง ใช้คู่”บาส-ปอป้อ” ส่วนจีน เป็นคู่ของ Chen Qingchen กับ Zheng Siwe ซึ่งทำผลงานน่าผิดหวังกับการพ่ายฮ่องกง ติดตามเชียร์และร่วมส่งกำลังใจให้นักกีฬาไทยทุกคน |