นับจากนี้ไป การแข่งขันชิงชัยเพื่อแย่งสิทธิ์โควาตาไปโอลิมปิก 2020 ของนักกีฬาชาติต่างๆจะเข้มข้นมากขึ้น เมื่อเหลือเวลาอีกเพียง 3 เดือนเศษ BWF ก็จะประกาศโควตานักกีฬาที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขัน โดยยังมีโปรแกรมการแข่งขันสำหรับการสะสมคะแนนอีกกว่า 10 รายการ ซึ่งมี ”รายการใหญ่” คือ YONEX All England Open 2020 ในเดือนมีนาคม และ CELCOM AXIATA Malaysia Open 2020 ในช่วงปลายเดือนเดียวกัน
 

ถึงเวลานี้ หากไม่ถึงขั้นสะดุดพรมปูสนามจนหกล้มบาดเจ็บ ถือได้ว่านักกีฬาไทยได้ไปแข่งขันโอลิมปิกแล้วอย่างน้อย 4 ประเภทคือชายเดี่ยว หญิงเดี่ยว หญิงคู่ และคู่ผสม และยังมีโอกาสลุ้นนักกีฬาคนที่ 2 ในประเภทหญิงเดี่ยวด้วยซ้ำ

 

โดยในประเภทชายเดี่ยว “กัน” กันตภณ หวังเจริญ ที่การตกรอบเร็วใน Malaysia Master ทำให้โควตาตกจากอันดับ 13 ไปอยู่ที่อันดับ 14 โดยมีคะแนนสะสม 52,899 คะแนน แต่โชคดีที่นักกีฬาอันดับตามมา ทั้ง Kenta NISHIMOTO จากญี่ปุ่น Rasmus GEMKE จากเดนมาร์ค และ LIN Dan จะเป็นนักกีฬาคนที่ 3 ของแต่ละชาติที่อยู่ใน 16 อันดับแรก

รายการต่อมาสัปดาห์นี้คือ Indonesia Master ก็เป็นอีกรายการที่ "กัน" ตกรอบเร็วคือรอบแรก แม้จะยังไม่เสียหาย แต่ก็ต้องเร่งคืนฟอร์มด้วยสภาพร่างกายที่ดีขึ้น
 

ในประเภทหญิงเดี่ยว “เมย์”รัชนก อินทนนท์ แม้จะตกรอบที่มาเลเซียเร็วเกินคาด แต่ก็น่าจะยังได้ไป 100% โดยที่สำคัญก็คือ “เมย์”จะต้องเร่งทำคะแนนเพื่ออยู่อันดับ 1-4 ที่จะได้เป็นเป็น ”ตัวยืน” ในการแบ่งสายที่จะได้ไม่ต้องเจอมือแข็งในรอบแรกๆ

 

แต่ที่น่าสนใจก็คือ การแย่งชิงตั๋วใบที่ 2 ในประเภทหญิงเดี่ยว เพราะถึงตอนนี้”ครีม”บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธ์ ได้โควตาคนที่ 2 ในอันดับ 16 ด้วยคะแนนสะสม 50,400 ขณะที่”หมิว”พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ ก็ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้น เมื่ออยู่อันดับ 18 ด้วยคะแนนสะสม 49,316 คะแนน และผลการแข่งขัน Indonesia Master ที่"ครีม"ชนะ"หมิว" ก็เป็นหนึ่งในการวัดผลของคู่นี้อีกรายการ

 

ในประเภทชายคู่ ที่จะต้องรอดูการตัดสินใจของสมาคมแบดมินตัน เพราะคู่ไทยที่อันดับดีที่สุดคือ “อาร์ท-เอ”บดินทร์ อิสระ / มณีพงษ์ จงจิตร ที่อยู่อันดับ 39 ที่มีโอกาสได้ไปสูง ขณะที่”ติน-ดีโก้”ติณณ์ อิสริยะเนตร / กิตติศักดิ์ นามเดช อยู่อันดับที่ 70 และไม่ได้เล่นคู่กันแล้ว จึงยากที่จะทำคะแนนหรืออันดับให้ขยับขึ้นมาทันหรือแซง"อาร์ท-เอ"

 

ชายคู่จึงน่สนใจว่าสมาคมแบดฯจะส่ง"อาร์ท-เอ"ไปแข่งขันรายการชิงแชมป์เอเชียหรือไม่เพราะถ้าทั้งคู่ได้แข่งขันก็จะมีคะแนนจากการแข่งขัน10เปอร์เซนต์ของคะแนนที่มีอยู่ รวมถึงทั้งคู่ไม่ได้ถือเป็นนักกีฬาของสมาคมฯ จึงอาจจะต้องหาสปอนเซอร์ไปแข่งขันเองเพื่อทำะแนน ที่มีนักกีฬาหลายชาติกำลังทำอยู่ ทั้งมาเลเซียและเกาหลี ที่นักกีฬานอกโควตาทีมชาติยังมีโอกาสลุ้นไปโอลิมปิก

 

ประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ-วิว”จงกลพรรณ กิตติธรากุล / รวินดา ประจงใจ ได้ไปค่อนข้างแน่นอน เพราะแม้คะแนนสะสมจะอยู่อันดับ 10 แต่ได้โควตาที่ 8 ที่ 58,877 คะแนน และทำให้”เอิร์ธ-ปอป้อ”พุธิตา สุภจิรกุล / ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ที่อยู่อันดับ 19 ที่มีคะแนนสะสม 43,490 ยากที่จะได้โควตาที่ 2 เพราะต้องติด 8 อันดับแรกที่ถือว่าไม่น่าจะเป็นไปได้

 

เนื่องจากการได้สิทธิ์ไป 2 คู่ในประเภทคู่นั้น ต้องติดอยู่ใน 8 อันดับแรก และเมื่อเป็นชาติที่มีนักกีฬาได้โควตาแล้ว ก็จะไม่ได้สิทธิ์ที่เป็นคู่ที่ 2 ของประเทศ

ปิดท้ายประเภทคู่ผสม “บาส-ปอป้อ”เดชาพล พัววรานุเคราะห์ / ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ยังคงรักษาอันดับ 3 ด้วยคะแนนสะสม 82,083 คะแนน และหากยังรักษาฟอร์มไว้ ก็จะสามารถเป็นมือวางในการแข่งขันได้ แม้จะตกรอบ 2 ที่อินโดนีเซีย แต่ไม่ถึงกับกระทบกับอันดับมากนัก



ถึงวันนี้ นักกีฬาไทยทั้งหมดยังมีโอกาสทั้งดีและไม่ดี โดยจะขึ้นกับการแข่งขันอีก 10 กว่ารายการนับจากนี้ แต่ที่น่าสนใจก็คือประเภทชายคู่ ที่จะต้อง"วัดใจ"สมาคมแบดฯ ว่าจะสนับสนุนส่งเสริม"อาร์ท-เอ"ที่เคยสร้างชื่อในลอนดอน 2012 ให้ร่วมฝึกซ้อมและแข่งขันมากน้อยแค่ไหน เพราะคู่นี้เป็นคู่มือดีที่สุดของไทยในตอนนี้