ที่ต้องไม่ลืมก็คือ 2 คะแนนที่ได้มาในรอบชิงฯ เป็น 2 คะแนนที่มาจากนักแบดมินตันหน้าเดิม นั่นคือชายคู่ FU Haifeng กับ ZHANG Nan และชายเดี่ยว Chen Long ที่ต่างก็คว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2016 ซึ่งถือเป็นงานคุมทีมชาติรายการสุดท้ายของ”ลียองโบ” |
จากนั้นอีก 3 คู่ ทั้งหญิงเดี่ยว หญิงคู่ และคู่ผสม ต่างก็เป็น”เด็กใหม่” ที่สมาคมแบดมินตันจีนเลือกมาทำหน้าที่ และจะต้องตั้งคำถามว่าพวกเขาเหล่านั้น”ดีพอ”ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนประเทศต่อไปหรือไม่ในการแข่งขันรายการต่างๆ จากนี้ไป |
ที่สำคัญก็คือ “การวางตัว” ของผู้เล่นลงสนาม แสดงให้เห็นว่า ทีมงานผู้ฝึกสอนที่ทำหน้าที่ ดูเหมือนจะไม่เรียนรู้ศาสตร์ของ”ซุนวู” ที่บอก”รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครา” เช่นการเลือกผู้เล่นหญิงเดี่ยว ที่หากโค้ชลียังอยู่ การเลือกลงสนามก็น่าจะเป็น HE Bingjiao ลงเจอ Akane YAMAGUCHI หรืออาจจะเป็น Nozomi OKUHARA ที่เล่นเร็วในรอบรองชนะเลิศกับญี่ปุ่น แล้วให้ SUN Yu ลงเจอ SUNG Ji Hyun ในรอบชิงฯ เพราะสาวเกาหลีคนนี้ไม่ใช่นักแบดมินตันประเภทเล่นเร็วที่ไม่เหมาะกับ SUN Yu |
ขณะที่หญิงคู่ แม้ CHEN Qingchen กับ JIA Yifan จะทำผลงานได้ดีในรอบรองฯที่ชนะคู่มือ 1 โลกจากญี่ปุ่น แต่เมื่อเจอนักตบคู่มือเก๋าจากเกาหลี รูปแบบการเล่นของ BAO Yixin กับ TANG Jinhua ก็อาจจะเหมาะสมกว่า |
ความจริงแล้ว นี่เป็นคำถามซ้ำซาก ว่านักแบดมินตันรุ่นใหม่ของจีน”ถึงเวลา”หรือยังที่ต้องยกเครื่องเพื่อวิเคราะห์กันจริงจังว่าฝีมือของเด็กๆ เหล่านั้น ดีพอที่จะก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ใหญ่แทนรุ่นพี่ที่เริ่มถดถอยหรือร่ำลาทีมชาติหรือไม่ เพราะในการเดินทางไปออสเตรเลียเพื่อแข่งขันรายการนี้ จีนนำนักกีฬาไปมากมายถึง 19 คนเป็นชาย 9 หญิง 10 และเป็นทีมที่ลงสนามมากที่สุด(เท่ากับเกาหลี) แต่จีนกลับใช้นักกีฬาไม่มากนัก ซึ่งนั่นหมายถึง โค้ชเองก็ไม่มั่นใจนักกีฬาหลายคนว่า หากลงสนามแล้วจะทำผลงานได้แค่ไหน |
ขณะที่”อินเดีย” ถือเป็นการ”แจ้งเกิด”ของ Satwiksairaj RANKIREDDY เด็กหนุ่มวัย 16 ที่ได้รับโอกาสมากมายเมื่อลงเล่นคู่ผสมกับ Ashwini PONNAPPA และทำผลงานได้ดีหลายแมทช์ หรือญี่ปุ่น ที่เลือก Kenta NISHIMOTO นักแบดมินตันชายเดี่ยวลงเจอ LEE Chong Wei ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และพบ LIN Dan ในรอบรองชนะเลิศ ส่วน”จีน”ยังเป็นผู้เล่นที่คนทั้งโลกรู้จักว่าจะเล่นแบบไหน เล่นยังไง นี่จึงอาจจะถึงเวลาอีกครั้งที่จีนจะต้อง”ยกเครื่อง”ทีมแบดมินตันอย่างจริงจัง ในยามที่ไม่มี”ลียองโบ” นั่งข้างสนาม |